ช่างซ่อมบำรุงทั่วไป เครื่องจักรและอุปกรณ์สนับสนุนของโรงงาน
หน้าที่ความรับผิดชอบ
ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักร เช่น เครื่องฉีดพลาสติก เครื่องกลึง CNC และอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ ตามแผนการบำรุงรักษา และใบแจ้งซ่อมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แก้ไขปัญหาหรือประสานงานกับช่างเฉพาะทางจากภายนอก หากเกิดปัญหาหรือมีข้อร้องเรียน
เข้าร่วมกิจกรรม Total Productive Maintenance (TPM) กับฝ่ายผลิตเพื่อพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการ
คุณสมบัติเฉพาะ
เพศชาย อายุ 22–35 ปี
ผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือสำเร็จหลักสูตรรักษาดินแดน
ไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง
สามารถทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ (จันทร์–เสาร์) และสามารถเดินทางมาทำงานได้ด้วยตนเอง
จบการศึกษาระดับ ปวช., ปวส., หรือปริญญาตรี สาขาไฟฟ้ากำลัง หรืออิเล็กทรอนิกส์
สามารถพูด อ่าน เขียน และฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว
ทักษะด้านเทคนิค (Hard Skills)
มีทักษะในการวิเคราะห์อาการเสีย ทดสอบ แก้ไขปัญหา และดูแลเครื่องจักรให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
หากมีความรู้ด้าน TPM จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
มีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องจักรระบบไฟฟ้า และระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม
ทักษะด้านบุคลิกภาพ (Soft Skills)
มีทักษะในการสื่อสาร และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นทีมได้
วิศวกรกระบวนการผลิต (Production Engineer)
รายละเอียดงาน
บทสรุปงาน: มีหน้าที่ควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้ตามเป้าหมาย โดยใช้แนวทาง PDCA (Plan-Do-Check-Act) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน IATF 16949:2016
ความรับผิดชอบหลัก (PDCA Framework)
1. Mass Production Process Control (Routine)
Plan: สามารถจัดเตรียมความพร้อมของชิ้น ลังคน อุปกรณ์ พื้นที่ และ วัตถุดิบ โดยร่วมมือกับทีม Planning และ ทีม Store ผ่านการประชุมรายวัน/สัปดาห์ ทั้งยังจัดทำ detailed production schedule ต่อจาก Production plan เพื่อให้ได้ค่า ด้านการผลิตที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือ ได้ตาม plan ที่วางไว้ และด้วยเวลาการผลิตที่สั้นที่สุด หรือ มีประสิทธิภาพที่สุด
Do: ควบคุมและจัดการ Production Process ให้ดำ เนินไปให้ได้ตาม Production plan จากทีม Planning (ซึ่งมาจากตามข้อกำ หนดของลูกค้า) ให้ตรงตาม KPI ของ Production เอง รวมถึงตามข้อบังคับการปฏิบัติงานของบริษัท โดยเน้นความสำ คัญเป็นลำดับจาก Safety, Quality, Delivery และ Cost ตามลำ ดับ
Check: ทำ การวัดผลในส่วนของ KPI หลัก/รอง รวมถึง ข้อมูลที่จำ เป็น ของ Product/Process เพื่อหาจุดผิด ปกติร่วมกับ QC พร้อมผลวิเคราะห์เพื่อ รายงานผลการทำ งาน ปัญหา และ การปรับปรุงกับผู้บังคับบัญชา ทั้งใน scope รายวัน/สัปดาห์/เดือน
Act: สามารถเริ่มมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Product/Process ต่างๆ โดยทำ งานร่วมกับแผนกอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกลับมาทำ งานได้ตาม plan ได้มากที่สุด
Act: สามารถนำ ข้อมูลที่วัดผลได้ มาดำ เนินการปรับปรุงพัฒนา People และ Process อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วน hardware (เช่น station ทำ งาน, อุปกรณ์, employee’s skill matrix, Ergonomics) และ software (motivation & mindset ของทีมงาน)
2. Others (Special)
สนับสนุนกระบวนการ Process Design & Development ในฐานะ APQP team (หากได้รับการจัดตั้ง) โดยประสานงานกับแผนกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของ documents (WP, process spec)
สนับสนุน cross-functional meetings & workshops ในฐานะ 1 ใน Engineers ของบริษัท เช่น Cost Reduction, Substance Control, Change Control, Continuous Improvement, Internal Audit และ อาจรวมถึง Safety Patrol ด้วย
อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายโดย Direct Supervisor, Management, Company procedures & policies & regulations
Basis: ผ่านการเกณฑ์ทหารหรือหลักสูตรรักษาดินแดน (สำหรับเพศชาย), ไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง, สายตาไม่บอดสี
Basis: สามารถทำงานได้ 6 วัน ต่อสัปดาห์ (จันทร์-เสาร์) และ เดินทางมาทำงานเองได้ (ในกรณีที่มีค่าเดินทางให้, ขับรถยนต์ได้ (optional))
Basis: มีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวกับการจัดการในโรงงานอย่างน้อย 3 ปี เท่านั้น ยิ่งมีประสบการณ์สูง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
Basis: สามารถสื่อสาร (พูด อ่าน เขียน ฟัง) ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว และ ภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ค้นคว้าหาข้อมูลจากใน internet หรือ เอกสารจากลูกค้าแล้วมาอธิบายให้ทีมงานคนไทยเข้าใจได้
Hard skill: ปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เครื่องกล, อุตสาหการ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง)
Hard skill: มีประสบการณ์ในด้านการจัดการกระบวนการผลิตทั้งเครื่องจักรและคน/การจัดการงานตามมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ/การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ (8D) หากมีประสบการณ์การทำ งานโรงงาน ทำ งานกับช่าง และ/หรือเครื่องจักร อย่างน้อย 2 ปี จะรับ พิจารณาเป็นพิเศษ
Hard skill: เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานโดยสามารถใช้ tools อย่าง Google Workspace (Gmail, Drive, Doc, Sheet, Slide, Form) หรือ Microsoft Office ได้ (Excel, PowerPoint) หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่ทำหน้าที่แทนกันได้
Hard skill: มีความรู้เกี่ยวกับ Lean tools, Toyota Production System, OEE/OLE
Hard skill: หากมีความรู้ทางด้านการออกแบบ Jig และ Fixture ในกระบวนการผลิต และ ตรวจสอบคุณภาพ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
Hard skill: มีความรู้ด้านมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ IATF16949 และ สิ่งแวดล้อม ISO14001 และเรื่อง Core Tools (APQP, PPAP, FMEA, SPC, MSA)
Soft skill: พร้อมเป็น Team Player ในทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือส่วนรวม และพร้อมที่จะเป็น leader ในการแก้ปัญหาร่วมกับช่างและพนักงาน shopfloor เพื่อทำทีมฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มีความสามารถในการสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ และ ความเชื่อมั่นให้กับช่างและพนักงาน shopfloor เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถพัฒนาฝีมือ และ mindset ให้สามารถทำงานเพื่อเป้าหมายส่วนรวมได้
Soft skill: พร้อมทำงานที่ท้าทายในลักษณะที่ต้องสร้างกระบวนการ หรือ แนวคิดขึ้นมาใหม่จาก 0 เป็น 1 สามารถขวนขวายเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนประกบใกล้ชิด มีความชอบในการปรับปรุงพัฒนาสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
Soft skill: มีความกล้าในการพูดถึงปัญหาที่พบเห็นทั้งที่เกิดจากตนเองและ/หรือผู้อื่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาในเชิงระบบอย่างไม่ท้อถอย
Soft skill: สามารถยืดหยุ่นอย่างมีระบบ และ อดทน กับการทำงานภายใต้สภาวะที่กดดัน หรือ สับสนไม่ชัดเจน หรือ เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง จาก คนในบริษัท, ลูกค้า และ supplier ได้
Soft skill: มีความพร้อมในการทำงานสายจัดการเกี่ยวกับคน ทนกับความไม่สมบูรณ์แบบ หรือ ความไม่มีเหตุผลของคนได้
วิศวกรประกันคุณภาพ (Quality Assurance Engineer)
บทสรุปงาน: มีหน้าที่ควบคุมคุณภาพของ วัตถุดิบ กระบวนการผลิต ชิ้นส่วนที่ช่างผลิต และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยใช้แนวทาง PDCA (Plan-Do-Check-Act) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน IATF 16949:2016
1. PLAN – กำหนดมาตรฐานคุณภาพ & กระบวนการตรวจสอบ
จัดทำ แผนควบคุมคุณภาพ แผนการสุ่มตรวจ และเกณฑ์การตรวจสอบ
กำหนดข้อกำหนดคุณภาพร่วมกับ ฝ่ายผลิต วิศวกรรม และจัดซื้อ
ดูแล เอกสารคุณภาพ (Work Instructions, Control Plans, FMEAs)
2. DO – ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพ
ตรวจสอบวัตถุดิบ: ตรวจสอบคุณภาพ เม็ดพลาสติก กาว สารเคลือบผิว ให้เป็นไปตามข้อกำหนด
ตรวจสอบระหว่างกระบวนการผลิต: ตรวจสอบ กระบวนการฉีดพลาสติก เพื่อป้องกันข้อบกพร่อง และใช้ SPC (Statistical Process Control)
ตรวจสอบชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์: ตรวจสอบ ชิ้นส่วนพลาสติกและซุปโครเมียม ด้าน การยึดเกาะ ความหนา และข้อบกพร่องต่างๆ
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย: ตรวจสอบ ป้ายสินค้า การติดฉลาก ความถูกต้องของการจัดส่ง
3. CHECK – ติดตามและวิเคราะห์ผลคุณภาพ
วิเคราะห์แนวโน้ม อัตราข้อบกพร่อง (Defect Trends), PPM, รายงานข้อบกพร่อง (NCR)
ดำเนินการ ตรวจสอบภายใน (Internal Audit) และประเมิน ความมีประสิทธิภาพของการแก้ไขปัญหา (Corrective Action Effectiveness)
รายงาน ดัชนีคุณภาพ (Defective Rate, Cost of Poor Quality, Customer Claim & Complaint, etc.) ต่อผู้บริหาร
4. ACT – ปรับปรุงและป้องกันปัญหาในอนาคต
ดำเนินการ วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (8D, 5-Why, Fishbone Diagram)
ดำเนินการ แก้ไขปัญหา (Corrective Action) และปรับปรุง เกณฑ์การตรวจสอบ
จัดฝึกอบรมให้กับพนักงานเกี่ยวกับ การตรวจสอบข้อบกพร่อง และมาตรฐานคุณภาพ
พัฒนา กระบวนการตรวจสอบภายใน อย่างต่อเนื่อง
Basis: ผ่านการเกณฑ์ทหารหรือหลักสูตรรักษาดินแดน (สำหรับเพศชาย), ไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง, สายตาไม่บอดสี
Basis: สามารถทำงานได้ 6 วัน ต่อสัปดาห์ (จันทร์–เสาร์) และ เดินทางมาทำงานเองได้ (ในกรณีที่มีค่าเดินทางให้, ขับรถยนต์ได้ (optional))
Basis: มีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวกับการจัดการในโรงงานอย่างน้อย 3 ปี เท่านั้น ยิ่งมีประสบการณ์สูง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
Basis: สามารถสื่อสาร (พูด อ่าน เขียน ฟัง) ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว และ ภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ค้นคว้าหาข้อมูลจากใน internet หรือ เอกสารจากลูกค้าแล้วมาอธิบายให้ทีมงานคนไทยเข้าใจได้
Hard skill: ปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เครื่องกล, อุตสาหการ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง)
Hard skill: มีประสบการณ์ในด้านกระบวนการผลิต/การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์/การประกันคุณภาพของกระบวนการและระบบบริหารคุณภาพ/การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ (8D)
Hard skill: เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานโดยสามารถใช้ tools อย่าง Google Workspace (Gmail, Drive, Doc, Sheet, Slide, Form) หรือ Microsoft Office ได้ (Excel, PowerPoint) หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่ทำหน้าที่แทนกันได้
Hard skill: มีความรู้เกี่ยวกับ QC 7 tools สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพ
Hard skill: มีประสบการณ์ใช้ เครื่องมือวัด (เช่น เครื่อง CMM เครื่องวัดมิติ ฯลฯ), อุปกรณ์ช่างพื้นฐาน (optional)
Hard skill: มีความรู้ด้านมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ IATF16949 และ สิ่งแวดล้อม ISO14001 และเรื่อง Core Tools (APQP, PPAP, FMEA, SPC, MSA)
Soft skill: พร้อมเป็น Team Player ในทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือส่วนรวม และพร้อมที่จะเป็น leader ในการแก้ปัญหาร่วมกับช่างและพนักงาน shopfloor เพื่อทำทีมฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มีความสามารถในการสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ และ ความเชื่อมั่นให้กับช่างและพนักงาน shopfloor เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถพัฒนาฝีมือ และ mindset ให้สามารถทำงานเพื่อเป้าหมายส่วนรวมได้
Soft skill: พร้อมทำงานที่ท้าทายในลักษณะที่ต้องสร้างกระบวนการ หรือ แนวคิดขึ้นมาใหม่จาก 0 เป็น 1 สามารถขวนขวายเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนประกบใกล้ชิด มีความชอบในการปรับปรุงพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
Soft skill: มีความกล้าในการพูดถึงปัญหาที่พบเห็นทั้งที่เกิดจากตนเองและ/หรือผู้อื่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาในเชิงระบบอย่างไม่ท้อถอย
Soft skill: สามารถยืดหยุ่นอย่างมีระบบ และ อดทน กับการทำงานภายใต้สภาวะที่กดดัน หรือ สับสนไม่ชัดเจน หรือ เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง จาก คนในบริษัท, ลูกค้า และ supplier ได้
Soft skill: ให้คุณค่าในความละเอียดรอบคอบและไม่ประนีประนอมในการส่งต่องานไม่ให้คุณภาพไปยังกระบวนการถัดไป ยึดความถูกต้องของกระบวนการทำงานเป็นหลัก โดยมีจรรยาบรรณในการทำงานเป็นพื้นฐาน ที่ละเมิดไม่ได้